3 วิธีการรับมือกับเพื่อนร่วมงานที่นิสัยก้าวร้าว 1. ฝึกความรู้สึกตัว ความรู้สึกตัวจะทำให้เราไม่ไหลไปกับสิ่งต่างๆในโลก แล้วเราจะรับมือกับสถานการณ์ต่างๆได้ มุมมองเราจะเปลี่ยนไป จิตใจเราจะโอนโยนขึ้น เราจะเข้าใจเขา  ว่าทำไมเขาถึงเป็นอย่างนั้น  เข้าใจเพื่อนมนุษย์มากขึ้น  เข้าใจธรรมชาติของแต่ละคนมากขึ้น ไม่มีใครอยากเป็นคนที่ไม่ดี แต่ทุกอย่างมันเป็นไปตามกรรมของแต่ละคน บางอย่างถึงแม้เราจะรู้มันไม่ดี แต่เราก็ยังมีพลั้งเผลอห้ามใจตัวเองไม่ได้อยู่เลย จริงไหม? 2. ยอมรับตัวเอง การยอมรับว่าตัวเองก็มีส่วนที่ไม่ดีอยู่ไม่น้อย จะทำเราเข้าใจผู้อื่นได้มากขึ้น การมองว่าผู้อื่นว่าไม่ดีอย่างไรนั้นยังไม่พอ ต้องมองกลับมาที่ตัวเองด้วยว่า เรานี้มีส่วนที่ไม่ดีเรื่องไหนอยู่บ้าง เราว่าผู้อื่นว่านิสัยไม่ดี ไร้มารยาท แล้วเราหละมีกี่ครั้งเผลอพลั้งไร้มารยาทจนน่าเกลียด เราว่าผู้อื่นโง่เขลา แล้วเราหละมีกี่เรื่องที่ควรรู้แต่ยังโง่อยู่ 3. พัฒนาตัวเอง การมองกลับมาที่ตัวเราเป็นเรื่องสำคัญ ความเดือดดาลของสังคมเกิดขึ้นจาก การที่พวกเราถนัดมองความไม่ดีของผู้อื่น แต่ไม่ถนัดกลับมามองความไม่ดีในตัวเอง เราทำตัวเป็นขวานที...

ผมถามว่า...โชคดียังไง?? แกตอบว่า ในกระเป๋า มีเงินห้าร้อย...หาย มีบัตรประชาชน...หาย มีใบขับขี่...หาย โชคดีแรก... ได้รู้จักระมัดระวังตัวมากขึ้น โชคดีที่สอง... ได้ทำบัตรถ่ายรูปใหม่ จะได้ตัดผมหล่อๆไปถ่าย โชคดีที่สาม... ได้เปลี่ยนกระเป๋าตังค์ใหม่ ยี่ห้อที่ชอบ ออกแบบใหม่พอดี แกยิ้มแล้วเดินจากไป.... ถ้าเราปรับใจ  เรามองอะไรในมุมบวก เราจะยังยิ้มได้ มีแรงสู้ต่อได้อย่างดี การมองอะไรในด้านบวก ไม่ใช่การหลอกตัวเอง แต่มันคือการทำให้เรา ผ่านพ้นเรื่องแย่ๆ ไปได้อย่างมีความสุข หรือทุกข์น้อยที่สุด การที่เลิกกับแฟน ในมุมนึง เราได้มีโอกาส ได้พบเจอ เรียนรู้คนใหม่ๆ การทำธุรกิจล้มเหลว ในมุมนึง เราก็ได้ประสบการณ์ และได้โอกาสไปทำสิ่งใหม่ๆ ถูกปลดออกจากงาน นั่นแหละโอกาสที่เราจะได้ไปเติบโต ไปมีสังคมใหม่ๆ ในที่ใหม่ๆ คิดลบ โกรธ โมโห ไม่ช่วยให้ปัญหาหายไป คิดบวก ก็ใช่ว่าปัญหาจะหายไป แต่มันจะทำให้เราผ่านปัญหาได้ อย่างสวยงาม เลือกมองสิ่งต่างด้วยความคิดบวก ด้วยทัศนคติที่ดี ชีวิตนี้ จะอยู่ได้อย่างมีความสุข แม้ปัญหาจะใหญ่แค่ไหนก็ตาม ผู้เขียน: สิริทัศน์ สมเสงี่ยม

'' หว่านสิ่งใด ได้สิ่งนั้น ''  หากเธอ .. หว่านความซื่อสัตย์  เธอจะได้ .. ความวางใจ  หากเธอ .. หว่านความดีงาม  เธอจะได้.. มิตรภาพ  หากเธอหว่าน .. ความถ่อมตน  เธอจะได้.. ความยิ่งใหญ่ หากเธอหว่าน .. ความยืนหยัด  เธอจะได้ .. ชัยชนะ หากเธอหว่าน .. ความเห็นใจ  เธอจะได้.. ความสมัครสมาน หากเธอหว่าน .. การทำงานหนัก  เธอจะได้.. ความสำเร็จ หากเธอหว่าน .. การให้อภัย  เธอจะได้.. การคืนดี หากเธอหว่าน .. ความจริงใจ  เธอจะได้.. ความสนิทชิดเชื้อ หากเธอหว่าน .. ความอดทน  เธอจะได้.. การพัฒนา หากเธอหว่าน .. ศรัทธา  เธอจะได้.. ปาฏิหาริย์ แต่ทว่า ..... หากเธอหว่าน .. ความไม่ซื่อ  เธอจะได้.. ความไม่วางใจ หากเธอหว่าน .. ความเห็นแก่ตัว  เธอจะได้. ความเดียวดาย หากเธอหว่าน .. ความโอหัง  เธอจะได้.. หายนะ   หากเธอหว่าน .. ความริษยา  เธอจะได้. ความเดือดร้อน หากเธอหว่าน .. ความเกียจคร้าน  เธอจะได้. ความความชะงักงัน หากเธอหว่าน .. ความขมขื่น  เธอจะได้.. ความโดดเดี่ยว หากเธอหว่าน .. ความละโมบ  เธอจะได้.. ความสูญเสีย...

จงเป็นผู้ฟังที่ดี  มีเมตตา วาจาอ่อนโยน   1. ทำตัวเองให้มีความสุข เพราะถ้าเราสุข เราจะไม่มีความทุกข์ไปให้คนอื่น 2. บอกความรู้สึกกันตรงๆ เป็นวิธีที่ทำให้เข้าใจกันมากที่สุด บอกด้วยความเมตตา ไม่พูดจาเบียดเบียนกัน ไม่ทำร้ายความรู้สึกใครด้วยกาย ด้วยวาจา 3. ทุกคนอยากได้รับความรัก และอยากเป็นผู้มอบความรัก  4. ถ้าไม่มีคนมาทำให้คุณโกรธ คุณจะไม่รู้เลยว่าระดับจิตคุณอยู่ตรงไหน ถ้าไม่มีใครมาทำให้คุณทุกข์ใจ คุณจะไม่รู้เลยว่าตัวเองยังมีอะไรต้องพัฒนา  5. เราจะนับถือใครสักคน  เพราะว่าเขาเป็นคนดี หรือว่าเป็นคนรวย...?  6. ทัศนคติดีๆเริ่มจากความคิดดีๆ ความเชื่อดีๆ จะดึงดูดสิ่งดีๆ 7. นิสัยเรา จะกลายเป็นการกระทำของเรา การกระทำของเรา จะกลายเป็น...ผลลัพธ์ในชีวิตเรา  8. เรื่องที่แย่ที่สุดในชีวิต...ไม่มี มันยังตัดสินอะไรไม่ได้ ถ้าเรายังไม่ตาย  9. อย่าตัดสินอะไรง่ายๆสั้นๆ โดยวัดจาก อารมณ์ที่คุณกำลังเผชิญ  10. มีแค่ 2สิ่ง ที่เราจะกล่าวถึงผู้อื่นได้คือ 1.ความดีของคนผู้นั้น กับ 2.ไม่กล่าวถึงเลย  #บันทึกของหยก

“จิต ของผู้มีบุญมาก” 1.ไม่บ่น เมื่อมีบุญแล้ว ผลแห่งบุญนั้นก็จะแปรสภาพให้เป็นปัญญา ทำให้ยอมรับต่อความเป็นจริงของชีวิต ทำให้รู้เห็นและเข้าใจถึงระดับวาสนาของตนและบุคคลอื่น ความเป็น ไปของชีวิตนั้นขึ้นตรงต่ออำนาจบุญกรรมที่ทำไว้ บ่นไปก็แค่นั้นเอง ที่ได้มา ที่มีอยู่ ที่เสียใจ ที่ไม่ได้ดั่งใจ ทุกสิ่งทุกอย่างนั้น มันคือ “ผลแห่งกรรม” อันเป็นสมบัติของเราเอง 2. ไม่กลัว เมื่อมีบุญแล้ว ผลแห่งบุญนั้นก็จะแปรสภาพให้เป็นความเข้มแข็ง กล้าหาญ ตามกำลังของบุญฤทธิ์ ทำให้ไม่หวั่นไหวต่ออุปสรรคและปัญหาที่จะเกิดขึ้น เพราะมีความมั่นใจในความเป็นผู้บริสุทธิ์ ความเป็นผู้มีบุญของตน เมื่อจะคิด จะทำอะไรลงไป ล้วนมีกำลังบุญมารองรับทั้งหมดทั้งสิ้น 3.ไม่ทำชั่ว เมื่อมีบุญแล้ว ผลแห่งบุญนั้นก็จะแปรสภาพให้เป็นตัวควบคุม บริหารจัดการ ตามกำลังของบุญฤทธิ์ ทำให้เกิดความกลัว ความละอายต่อบาป ต่อกรรม ความผิดน้อยใหญ่ ทั้งในที่ลับและที่แจ้ง เห็นถึงความเสียหาย หลายภพหลายชาติ เห็นถึง ผลกระทบต่อครอบครัว ต่อโลกต่อสังคม อย่างมากมายมหาศาล 4.ไม่คิดมาก เมื่อมีบุญแล้ว ผลแห่งบุญนั้นก็จะแปรสภาพให้เป็นความสะอาด ความสว่าง ความสงบ ตามกำลังของบ...

อาจดูเหมือนผม...เย่อหยิ่ง มั่นใจในตัวเองจนน่า...หมั่นไส้ และหลายครั้งที่...รั้นไม่ฟังใคร นั่นเพราะ... ผมมีหลักประจำใจ หลักคิดผมไม่ยาก ไม่ซับซ้อน ผมคิดว่า... คนที่จะสอนกูได้ต้องเก่งกว่า กูจะเชื่อ จะฟัง คนที่เก่งกว่ากูเท่านั้น !! เพราะมันเป็น...ทางลัดความสําเร็จ และทำให้เราไม่เสียเวลา เคยมีคนสอนผมว่า อยากรู้ว่าเมืองนอกเป็นยังไง จะไปยังไง ค่าตั๋วเท่าไหร่ ให้ถามคนที่เคยไปมาก่อน เวลาเราไปเที่ยวต่างประเทศ เราถึงต้องจ้างไกด์นำทางพาเที่ยวไง เพราะเขาไปมาก่อน อยู่มาก่อน ชีวิตเราก็เหมือนกัน อยากสำเร็จก็ไปหาคนสำเร็จ ศึกษาคนสำเร็จ ฟังคนสำเร็จ ทำตามคนสำเร็จ แค่นั้นจริงๆนะครับ บางลีลา กับคนบางคน เขาอาจมองว่าผม หัวดื้อไม่ฟังใคร นั่นเพราะ... เขาไม่เก่งพอที่ผมจะฟังหรือเชื่อ อยากรู้เรื่องบอลให้ไปหา ซิกโก้ ไม่ใช่ไปหาคนขายก๋วยเตี๋ยว! เขาสอนคุณไม่ได้หรอก นั่นแหละหลักคิดผม คุณรู้มั้ย เห็นผมพูดมาก ปากดี เวลาผมเจอคนเก่ง อยู่กับคนเก่ง ผมเงียบสนิทเลย ฟังอย่างเดียว เรียนรู้อย่างเดียว นั่นแหละ ทำให้ผมมีชีวิตที่ดีขึ้นเรื่อยๆ ยกตัวอย่างง่ายๆ ผมทำธุรกิจผมอยากมีเงินล้าน ผมไม่เคยปรึกษาพ่อกับแม่เลย เพราะเขายังไม่เคยส...

  เงียบ ไม่ได้แปลว่าโง่ อย่าเห็นความใจดีของคนอื่นเป็นความอ่อนแอ อย่าเห็นความใจกว้างของคนอื่นเป็นความขี้ขลาด คนที่นิสัยดี ไม่บันดาลโทสะโดยง่าย เปรียบเสมือนฟืนที่ติดไฟยาก แต่ไม่ได้หมายความว่ามันจะไม่ติดไฟ จำไว้นะ เงียบ ไม่ได้แปลว่าโง่ อย่าสร้างความสุข ความร่าเริงเบิกบาน บนความเจ็บปวดของคนอื่น อย่านึกคิดว่าตนเองฉลาดที่สุด เห็นคนอื่นล้วนโง่เขลา ฉันไม่พูด ไม่ได้หมายความว่า ฉันไม่รู้ ฉันไม่หยุมหยิมคิดเล็กคิดน้อย ไม่ได้หมายความว่าฉันไม่แคร์ มีความใจกว้าง โอบอ้อมอารีต่อผู้อื่น ก็คือการปฎิบัติดีต่อตนเอง อภัยให้คนอื่น ก็คือเป็นการ เหลือหนทางรอดให้กับตนเอง อย่าปล่อยให้ดวงตาของตนเอง หลอกลวงหัวใจของเรา เวลาจะเป็นตัวยืนยันที่ดีที่สุด จะทำให้เรารู้ว่า ระยะเวลาใช่ว่าจะทำให้เราเห็นความจริง แต่ต้องได้เห็นจิตใจคนที่แท้จริง อารมณ์แย่เพียงใด ก็อย่าแสดงไว้บนใบหน้า เพราะว่าไม่มีใครอยากดูอยากมอง วันเวลาที่ยากจน ก็อย่าพูด " จน "ติดปาก เพราะไม่มีใครอยู่ดีดีให้เงินเธอ โดยไร้สาเหตุ ทำงานเหน็ดเหนื่อย ก็อย่าบ่นตำหนิ เพราะไม่มีใครช่วยคุณทำโดยฟรีๆ ชีวิตแม้นยากลำบาก ก็อย่าสูญสิ้นความเชื่อมั่น เพร...